สำนักสหปฏิบัติฯ

แรงแห่งกรรมในอดีตชาติ
             แรงแห่งกรรมในอดีตชาตินายจุนนะถวาย สูกรมัททวะ พระองค์กล่าวว่า ท่านจงฝังสูกรมัททวะที่เหลือเสียในหลุม เรายังไม่เห็นบุคคลใดในโลก พร้อมด้วยเทวโลก มารโลก พรหมโลกที่บริโภคสุกรมัททวะนี้แล้ว จะย่อยไปได้ดีนอกจากตถาคตทรงอนุโมทนาแล้วเสด็จกลับอัมพวัน
 
ทรงเลือกกรุงกุสินารา เป็นสถานที่ปรินิพพานด้วยเหตุผล ๓  ประการ
๑.      พระองค์จะได้แสดง สุทัศนสูตร ถ้าไปปรินิพพานที่เมืองอื่นก็จะไม่ได้ทรงแสดง
๒.    ทรงหวังว่าจะได้โปรดสุภัททปริพาชก ซึ่งเป็นพุทธเวไนย คือต้องพระองค์เท่านั้นที่โปรดได้ สาวกใดก็โปรดไม่ได้ และสุภัททปริพาชกก็ได้บวชเป็นพระสุภัททภิกษุ และได้บรรลุอรหันต์เป็นคนสุดท้ายในสมัยที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่
๓.     หากพระองค์ปรินิพพานที่เมืองอื่นจะเกิดสงครามแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ
            พระองค์ทรงกล่าวกับพระอานนท์ว่า จงอย่าประมาท และจะปราศจาคกิเลสตัญหาในวันปฐมสังคายนาแน่นอน
 
พระปัจฉิมเทศนา   พระวาจาเป็นวาระสุดท้าย
         สมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จสีหไสยาสน์ใต้ต้นรังคู่ พระปัจฉิมเทศสนา พระวาจาเป็นครั้งสุดท้าย “อย่าวิตกว่าเมื่อสิ้นศาสดาแล้วพระปริยัติธรรมจะสิ้นตามอันว่าพระธรรม ๘ หมื่น ๔ พันพระธรรมขันธ์ พระธรรมวินัยมหาวินัย หรือ พระวินัยปิฏก พระสุตตันปิฎก พระอภิธรรมปิฏก  จักเป็นผู้สั่งสอนเธอแทนตถาคตในกาลข้างหน้า  ดูกร  ภิกษุทั้งหลาย  ตถาคตขอเตือนพวกเธอทั้งหลายว่า  สังขารธรรมทั้งหลายมีความฉิบหายเสื่อมสิ้นเป็นธรรมดา  ท่านทั้งหลายจงรักษาตนให้สมบูรย์ด้วยความไม่ประมาทเถิด”  นี้เป็นปัจฉิมวจนะแห่งพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
สมเด็จพระบรมศาสดาจึงดับขันปรินิพพาน
บรรดาพระอริยเจ้า พระปัจจเจกพระพุทธเจ้า และพระอริยสาวกทั้งหลายก็ดี โลกิยสัตว์ทั้งหลาย จนกระทั่งมดดำมดแดงก็ดี  จะไม่ปรินิพพาน และตายในนิโรธสมาบัติ จะตายด้วยภวังค์จิตเท่านั้น  
             การที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วกลับเข้าสู่รูปาวจรสมบัติ และอรูปาวจรสมบัติ โดยอนุโม และปฏิโลมอย่างรวดเร็วนับได้ ๔๒ แสนโกฏิสมาบัติ ไม่ว้นว่างเลยแม้แต่น้อย เมื่อพระองค์ทรงออกจากจตุตฌานก็ดับขันปรินิพพาน ในกาลเวลานั้น ซึ่งตรงกับวันวิสาขปุณณมี เพ็ญเดือน ๖ พอดี รวมบารมีพระสัพพัญญูโปรดเวไนยสัตว์รู้ธรรมได้ ๒๐ อสงไขย  ๓๖ แสนโกฏิ  ๘๔ หมื่นโกฏิ กับอีก ๒๗ โกฏิ
 
การแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
                ความเศร้าโศกเสียใจต่อการเสด็จดับขันธปรินิพพานขบวนเคลื่อนพระบรมศพพระบรมศาสดาสู่มกุฎพันธนเจดีย์ มัลลกษัตริย์ทั้ง ๔ จุดอัคคีไม่ติด เนื่องจากเหล่าเทพยดาปารถณาจะรอคอย พระมหากัสสปเถระก่อน ครั้น พระมหากัสสปเถระทราบข่าวปรินิพพานของพระบรมศาสดารีบเสด็จมาถวายพระเพลิงพระบรมศาสดา เล่าพระสงฆ์ต่างแบ่งเป็นทั้งฝ่ายที่ดีใจ ร้องไห้เสียใจ  และที่เข้าใจ แล้วรีบเดินทางมาถวายพระเพลิง อฐิฐานขอกราบพระบาท แล้วเหล่าเทวดาก็ถวายเตโชธตุ เป็นไฟลุกขึ้นเอง พระเจ้าอาชาตศัตรูเมื่อทราบข่าวปรินิพพานทรงโศกเศร้าปริเทวนาเป็นที่ยิ่งนครทั้ง ๗ ขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุเกือบมีการทำสงครามแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ แต่ โทณพราหมณ์ ผู้มีความยุติธรรมระงับเหตุการณ์แย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ จัดแบ่งพระธาตุเป็น ๘ ส่วนเท่าๆกัน  พระเจ้าอาชาตศัตรูจัดขบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุอย่างสมพระเกียรติ
 
พระบรมสารีริกธาตุแห่งพระสัพพัญญู
         พระมหากัสสปเถระ และพระเจ้าอาชาตสัตรูรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในพระเจดีย์พระเวสสุกรรมเทพบุตรนิรมิตพระสถูปให้ถาวร กาลต่อมา พระเจ้าธรรมโศกราช ค้นพบพระบรมธาตุ จัดงานฉลอง 7 ปี ๗ เดือน พระราชศรัทธาของพระเจ้าธรรมาโศกราช พระเจ้าธรรมโศกราชทรงแจกพระบรมธาตุ
 
พระอุปคุตตเถระ ผู้สยบพระยามารจนพญามารยอมแพ้
       จนพระยามารอธิฐานจิตขอตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล
 
ความสูญสิ้นแห่งพระธาตุ
ปริยัติอันตรธาน ความสูญสิ้นไปของพระไตรปิฎก
ปฏิบัติอันตรธาน ความสูญสิ้นไปแห่งการปฏิบัติ
ปฎิเวธอันตรธาน ความสูญสิ้นไปแห่งผลการปฏิบัติ
ลิงคอันตรธาน ความสูญสิ้นไปแห่งเพศสมณะ
ธาตุอันตรธาน ความสูญสิ้นไปแห่งพระบรมธาตุ
เมื่อครบทั้งหมดถือเป็นการสิ้นสุดของพุทธศาสนาของพระสมณโคดม เมื่อผู้คนขาดศาสนายึดเหนี่ยวผู้คนจะประหารกันหมดภายใน 7 วันิเพื่อเริ่มต้นเข้าสู่พระพุทธศาสนาใหม่ของพระศรีอริยเมตไตรย