สำนักสหปฏิบัติฯ

พระสารีบุตรเถระ
เอตทัคคะ:ผู้มีปัญญามาก



 

ภาคชีวประวัติ และการศึกษา

มีนามเดิมว่า “อุปติสสะ” เกิดที่หมู่บ้านอุปติสสะ เมืองนาลันทา ในตระกูลพราหมณ์มหาศาล เมื่อช่วงเป็นหนุ่มน้อย บิดาได้หาเด็กหนุ่มวัยเดยวกันให้เป็นบริวารถึง๕๐๐คน  วันหนึ่งหลังจากชมมหรสพดังเช่นทุกปี บนยอดเขาแล้ว กลับมีกิริยาอาการความรู้สึกไม่เหมือนเก่า คือ ถึงตอนหัวเราะก็ไม่สนุกสนาน ถึงตอนเศร้าโศกก็ไม่มีอาการเศร้าโศก ถึงตอนจะให้รางวัลก็ไม่ให้รางวัลแต่มีความรู้สึกสังเวชสลดใจ ว่า” ไม่ห็นมีอะไรน่าสนใจเลย ตัวละครที่กำลังแสดงอยู่นี้ อยู่ได้ไม่ถึง๑๐๐ปี ก็คงตายกันหมด แล้วก็มีตัวละครคนใหม่มาแสดงแทน เราเองมัวมาหลงดูอยู่ทำไม “ไฉนจึงไม่แสวงหาโมกขธรรม(ความหลุดพ้น) มีความเบื่อหน่ายในชีวิต และได้ออกบวชอยู่ในสำนักของสัญชัยปริพพาชก ก็ไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ต้องการ ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
ภาคการปฏิบัติ

เช้าวันหนึ่ง อุปติสสปริพพาชก ได้พบพระอัสสชิเถระ กำลังออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ดวยอาการอันสงบสำรวม ก็เกิดความเลื่อมใส จึงถามว่า” ท่านมีอินทรีย์ผ่องใส ผิวพรรณบริสุทธิ์ผุดผ่อง ท่านบวชเชิดชูใร ใครเป็นศาสดาของท่าน ท่านชอบใจธรรมของใคร “ พระอัสสชิได้ตอบอย่างถ่อมตนว่า  อาตมาเป็นพระบวชใหม่ จึงไม่สามารถอธิบายคำสอนของพระศาสดาโดยพิสดารได้จึงขอกล่าวโดยย่อว่า “ ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นไว้และตรัสถึงความดับเหตุไว้ด้วย พระสมณะผู้ยิ่งใหญ่มีปรกติตรัสอย่างนี้” พอกล่าวจบ อุปติสสะ ก็บรรลุโสดาปัตติผล จึงกลับไปบอกเพื่อนโกลิตปริพพาชก ทั้งสองชักชวนกันไปพบกับอาจารย์สัญชัยปริพพาชก เพื่อจะไปเฝ้าพระพุทธองค์ แต่ก็ถูกอาจารย์ปฏิเสธว่า” ในโลกนี้คนโง่มากหรือคนฉลาดมาก” จึงตอบว่า “คนโง่มีมาก คนฉลาดมีน้อย” ถ้าอย่างนั้น “ขอให้คนฉลาดจงไปหาพระสมณโคดม ส่วนคนโง่จงมาหาฉัน” ทั้งสองจึงลาอาจารย์ ออกเดินทางพร้อมด้วยบริวาร๒๕๐คนไปเฝ้าพระพุทธองค์ ที่เวฬุวันและขออุปสมบทด้วนเอหิภิกขุอุปสัมปทา มีชื่อใหม่ว่า “สารีบุตร” หลังจากบวชได้๑๕วันก็ได้ฟังธรรมเทศนา “เวทนาปริคคหสูตร” ซึ่งพระพุทธองค์แสดงแก่หลานชาย ชื่อ” ทีฆนขปริพพาชก” ที่ถ้ำสุกรขาตา เขาคิชฌกูฏ ในวันขึ้น๑๕ค่ำเดือน๓ จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ และได้รับการยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าเป็นผู้เลิศมากในทางปัญญาและให้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา


ภาคการประกาศพระศาสนา
ท่านเป็นกำลังสำคัญในการประกาศพระศาสนา
- เป็นพระอุปัชฌาย์ให้แก่บรรดาสามเณร ได้แก่ สามเณรราหุล สามเณรสุข และสามเณรสังกิจจะ เป็นต้น
- ท่านชักจูงให้น้องชาย คือ พระจุนทะ และน้องสาวคือนางจาลา หันมาเลื่อมใสพระพุทธศาสนาและออกบวช
- เพราะแนวคิดของท่าน เป็นต้นเหตุให้พระมหากัสสปะประชุมสงฆ์ ทำสังคยานา
- ท่านยังเป็นยอดกตัญญูเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ราธพราหมณ์ ซึ่งเคยใส่บาตรแค่ทัพพีเดียวเท่าน้น
- ก่อนจะปรินิพานท่านได้เทศนาโปรดมารดาจนได้บรรลุโสดาบัน หลังจากนั้นเมื่อวันขึ้น๑๕ค่ำเดือน๑๒ ท่านป่วยด้วยโรคปักขันทิกาพาธ(ถ่ายจนเป็นเลือด) ที่บ้านของท่านเอง

    
ข้อควรจำ
ท่านเปรียบเสมือนแม่ผู้ให้กำเนิดบุตร คือ บวชให้พระภิกษุ
ได้รับนามใหม่ว่า”เป็นธรรมเสนาบดี”
ท่านเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา เป็นผู้มปฏิภาณไหวพริบในการแสดงธรรม
ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์รูปแรกที่บวชด้วยญัตติจถุตถกรรมวาจา